ประวัติ ของ ซายาโกะ คูโรดะ

ประวัติตอนต้น

ซายาโกะเกิดเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2512 ณ โรงพยาบาลคุไนโชในพระราชวังหลวง เป็นพระราชบุตรพระองค์เล็กจากทั้งหมดสามพระองค์ และเป็นพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะกับสมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ มีพระเชษฐาคือสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ และเจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ

สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีสาขาภาษาญี่ปุ่นและวรรณกรรม คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยกากูชูอิง เมื่อ พ.ศ. 2535 ต่อมาทรงเป็นผู้ช่วยนักวิจัย (research associate) ของสถาบันปักษีวิทยายามาชินะ (Yamashina Institute for Ornithology) ซึ่งเธอได้รับการยอมรับว่ามีความเชี่ยวชาญการศึกษาเรื่องวงศ์นกกระเต็นน้อยเป็นอย่างยิ่ง[2] ปี พ.ศ. 2541 เธอได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักวิจัยประจำสถาบันดังกล่าว และมีผลงานวิชาการเกี่ยวกับนกและการศึกษาเรื่องอื่น ๆ ออกมา

เสกสมรส

30 ธันวาคม พ.ศ. 2547 สำนักพระราชวังได้ประกาศแถลงการณ์ได้มีพิธีหมั้นระหว่างเจ้าหญิงซายาโกะกับโยชิกิ คูโรดะ (黒田慶樹, Kuroda Yoshiki; 17 เมษายน พ.ศ. 2506) นักวางผังเมืองโตเกียว พระสหายคนสนิทของเจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ[3] พระราชพิธีเสกสมรสถูกจัดขึ้นในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ณ โรงแรมอิมพีเรียล กรุงโตเกียว เจ้าหญิงซายาโกะจำต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อเสกสมรส ถือเป็นการเสกสมรสระหว่างเจ้านายกับสามัญชนที่มิได้สืบสันดานจากชนชั้นมูลนายในรอบ 40 ปี และถือเป็นเจ้านายพระองค์ที่หกที่ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์หลังมีการประกาศใช้กฎมนเทียรบาลเมื่อปี พ.ศ. 2490 โดยเจ้านายที่ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์ไปก่อนหน้านี้คือเจ้าหญิงมาซาโกะแห่งมิกาซะ พระญาติกาของพระองค์ในปี พ.ศ. 2526[4]

สมเด็จพระจักรพรรดิ สมเด็จพระจักรพรรดินี มกุฎราชกุมาร มกุฎราชกุมารี พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่น ๆ เสด็จมาในพระราชพิธีนี้ 30 พระองค์ และมีแขกผู้มีเกียรติร่วมในพระราชพิธีนี้ 120 คน[5] โดยมีประชาชนกว่าหนึ่งพันคนเฝ้ารอรับเสด็จบริเวณเส้นทางเสด็จระหว่างพระราชวังหลวงกับโรงแรมนานกว่าครึ่งชั่วโมง[5]

พระองค์ได้ลาออกจากการเป็นนักวิจัยประจำสถาบันปักษีวิทยาเพื่อมาใช้ชีวิตแม่บ้าน หลังจากนี้พระองค์จะได้รับบำเหน็จจากรัฐบาลญี่ปุ่นจำนวน 1.29 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับดำรงชีพต่อไป[6][7] พระองค์ทรงย้ายออกจากพระราชวังไปประทับในห้องอยู่อาศัย[8] มีรายงานว่าทรงขับรถและทรงออกไปจับจ่ายซื้อของที่ร้านสรรพาหารด้วยพระองค์เอง[5]

หลังเสกสมรส

เดือนเมษายน พ.ศ. 2555 ซายาโกะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักบวชหญิงชั้นสูงประจำศาลเจ้าใหญ่อิเซะ เพื่อช่วยงานอัตสึโกะ อิเกดะ พระปิตุจฉาที่ทรงเป็นหัวหน้านักบวชของศาลเจ้าดังกล่าว[9] นอกจากนี้ยังได้ไปในงานเลี้ยงพระกระยาหารสมเด็จพระราชาธิบดีฟีลิปและสมเด็จพระราชินีมาตีลด์แห่งเบลเยียมพระราชวังอิมพีเรียลเมื่อคราเสด็จเยือนประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2559[10] หลังการเสกสมรสมาหลายปี แต่ซายาโกะ ก็ยังปรากฏพระองค์ในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ ของพระราชวงศ์อยู่เสมอ[11][12]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ซายาโกะ คูโรดะ http://www.chinadaily.com.cn/english/doc/2004-12/3... http://www.cbsnews.com/news/japan-loses-a-princess... http://www.hellomagazine.com/royalty/2005/11/15/pr... http://www.jiji.com/jc/c?g=soc_30&k=2012050700437 http://living.scotsman.com/people.cfm?id=133923200... http://www.thefreelibrary.com/LEAD:+Princess+Sayak... http://www.kunaicho.go.jp/e03/ed03-05.html http://www.kunaicho.go.jp/esayako/esayako-2005-1.h... http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?News... http://news.bbc.co.uk/2/hi/asia-pacific/4437386.st...